ดริปวิตามิน ตัวช่วยให้ผิวกระจ่างใส มีประโยชน์อะไรบ้าง ต่างกับฉีดวิตามินผิวใสอย่างไร ?

 

นอกจากการดูแลผิวหน้าแล้ว ผิวกายก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม หลาย ๆ คนมีปัญหาผิวหมองคล้ำ ผิวแห้ง ผิวไม่กระจ่างใส ทาครีมหรือใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเท่าไหร่ก็ไม่หาย จึงมองหาตัวช่วยที่จะช่วยฟื้นฟูผิวที่เห็นผลได้เร็วและชัดเจน การดริปวิตามินหรือการฉีดวิตามินผิวใส เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความนิยมครับ

การดริปวิตามิน การฉีดวิตามินผิว เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ? ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ? มีกี่สูตร ? อันตรายหรือมีผลข้างเคียงอย่างไรบ้างหลังฉีด ควรทำบ่อยแค่ไหนถึงจะเห็นผล และข้อควรรู้เกี่ยวกับการดริปวิตามินผิวที่ควรทราบก่อนตัดสินใจทำ หมอรวบรวมไว้ในบทความนี้แล้วครับ

ดริปวิตามิน คืออะไร ?

การดริปวิตามิน หรือ Intravenous Vitamin Therapy และมีชื่อเรียกสั้น ๆ อีกหลายชื่อ เช่น IV drip, Vitamin drip, IV booster, วิตามินบำบัด, การฉีดวิตามินผิวขาว ซึ่งล้วนหมายถึงการให้สารน้ำและวิตามินเข้าสู่ร่างกายผ่านทางหลอดเลือดดำครับ โดยส่วนประกอบในตัวยาจะแตกต่างกันไปในแต่ละสูตรและแต่ละคลินิก หมอสามารถเลือกหรือปรับสูตรให้ตรงกับสภาพผิวหรือสุขภาพของคนไข้ได้ตามความเหมาะสมครับ

วิธีการฉีดวิตามินผิว มีหลัก ๆ 2 แบบ ได้แก่

  1. IV drip หรือ IV infusion คือการให้ยาผ่านทางสายน้ำเกลือ โดยจะผสมวิตามินและสารน้ำต่าง ๆ กับน้ำเกลือ จากนั้นค่อย ๆ ปล่อยยาเข้าร่างกายคนไข้ ในอัตราและความเข้มข้นเท่ากัน ๆ ตลอดกระบวนการ ใช้เวลาในการทำ 45-60 นาทีครับ
  2. IV bolus หรือ IV push คือการให้ยาโดยการฉีดเข้าหลอดเลือดดำโดยตรง ไม่ผสมน้ำเกลือ ใช้เวลาในการทำไม่เกิน 30 นาที ข้อดีคือสารน้ำและวิตามินจะถูกดูดซึมได้ไว ออกฤทธิ์เร็ว แต่มีข้อจำกัดในคนไข้ที่มีเส้นเลือดเล็ก อาจเกิดอาการบวมช้ำและแสบได้ แต่ก็ไม่มีอันตรายครับ

การฉีดวิตามินผิวทั้งแบบผสมน้ำเกลือและไม่ผสมน้ำเกลือ ให้ผลลัพธ์ที่ไม่แตกต่างกัน แต่ละคลินิกจะเลือกใช้วิธีใดก็ได้ครับ สิ่งสำคัญคือสูตรของวิตามินผิว ควรจะประกอบด้วยส่วนผสมที่ไม่อันตราย ทำหัตถการโดยแพทย์ ก็จะให้ผลลัพธ์ที่ดีและมีความปลอดภัยได้ครับ

นอกจากนี้การฉีดวิตามิน สามารถฉีดเข้าชั้นผิวเพื่อใช้บำรุงผิวหน้าได้ด้วย หรือที่เรียกว่า การฉีดเมโสหน้าใส เช่น การฉีดมาเด้คอลลาเจน เพื่อช่วยบำรุงผิวหน้าเร่งด่วน ลดสิว ลดผื่น แก้ไขปัญหาหน้าหมองคล้ำ ลดหน้ามัน ช่วยให้หน้าใส ลดรอยด่างดำโดยเป็นการดูแลผิวหน้าโดยเฉพาะ แตกต่างกับการดริปวิตามินเข้าทางหลอดเลือดที่เป็นการบำรุงผิวทั่วร่างกายครับ

ดริปวิตามิน แตกต่างกับวิตามินแบบรับประทานอย่างไร ?

การรับวิตามินเข้าสู่ร่างกายนอกเหนือจากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์แล้ว สามารถทำได้หลายวิธี ทั้งการรับประทานวิตามินในรูปแบบเม็ด การฉีดวิตามิน การอมวิตามินใต้ลิ้น รวมถึงการทาวิตามินเพื่อให้ซึมเข้าผิวหนัง โดยวิธีที่นิยม คือ การรับวิตามินแบบรับประทาน และ การรับวิตามินแบบการฉีดครับ

 

ข้อดีของการรับวิตามินผ่านทางการรับประทาน คือ มักจะมาในรูปแบบยาเม็ดสามารถทานได้ง่าย ไม่ต้องเจ็บตัว ช่วยบำรุงร่างกายแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่กว่าที่วิตามินจะถูกร่างกายนำมาใช้ จะต้องผ่านกระบวนการย่อยอาหารและการดูดซึม ซึ่งแต่ละบุคคลมีความสามารถในการดูดซึมได้ไม่เท่ากัน โดยเฉลี่ยแล้วร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินได้เพียง 50% ของที่รับประทานเข้าไปเท่านั้นครับ นอกจากนี้หากต้องการวิตามินหลายชนิด จะต้องรับประทานวิตามินหลายเม็ดในแต่ละครั้งครับ

 

ส่วนการรับวิตามินในรูปแบบการฉีดหรือดริปวิตามิน มีข้อดีคือร่างกายสามารถดูดซึมและนำไปใช้ได้ทันที ไม่ต้องผ่านกระบวนการย่อย ไม่ต้องผ่านการกรอง ช่วยบำรุงผิวพรรณและฟื้นฟูสุขภาพได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ วิตามินส่วนเกินจะขับออกทางการปัสสาวะและอุจจาระได้อย่างรวดเร็ว ไม่มีสารตกค้างครับ

ทั้งนี้วิตามินบางชนิดเหมาะกับการรับประทาน บางชนิดเหมาะกับการนำมาฉีด แต่ละคนมีความต้องการแต่ละชนิดในปริมาณที่แตกต่างกัน ดังนั้นเพื่อให้การรับวิตามินมีประสิทธิภาพมากที่สุด ควรตรวจร่างกายและปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้งครับ

การดริปวิตามินอันตรายไหม ?

การดริปวิตามินผิวหรือการฉีดผิวขาว อันตรายไหม คำตอบคือไม่อันตรายครับ หากทำการฉีด ควบคุมสูตรยาโดยแพทย์ มีการประเมินร่างกายและซักประวัติการแพ้ยาและอาหารก่อน ตัวยาและวิตามินที่ใช้เป็นสารที่มีความปลอดภัย สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาได้ และทำในคลินิกที่มีมาตรฐานครับ

ส่วนการฉีดวิตามินที่ต้องระวังคือ การฉีดวิตามินที่ไม่ทราบแหล่งที่มาของตัวยา ฉีดโดยหมอกระเป๋า บุคคลที่รับฉีดตามบ้าน เพราะถ้าฉีดด้วยอัตราการฉีดที่เร็วเกินไป เกิดฟองอากาศขณะฉีด เทคนิคการฉีดไม่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อและเป็นอันตรายได้ครับ

ดริปวิตามิน ช่วยอะไรได้บ้าง ?

การดริปวิตามินหรือการฉีดวิตามิน มีหลายสูตรขึ้นกับจุดประสงค์ในการฉีด ทั้งการดริปวิตามินเพื่อฟื้นฟูสุขภาพ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน หรือในวงการความงามคือนิยมฉีดวิตามินเพื่อเพิ่มความกระจ่างใสให้ผิว บำรุงผิวพรรณ เสริมสร้างความแข็งแรงให้ผิวครับ ดริปวิตามินช่วยอะไรได้บ้าง สรุปได้ดังนี้

  • ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนให้ผิว ผิวเต่งตึง ดูสุขภาพดี
  • ช่วยบำรุงผิว เพิ่มความขาวกระจ่างใส
  • ปกป้องผิวจากแสงแดดและมลภาวะ ช่วยให้เซลล์ผิวแข็งแรง
  • ช่วยเสริมสร้างการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ
  • กระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
  • ลดอาการอ่อนเพลีย

ทั้งนี้ผลของการฉีดวิตามินผิว ยังขึ้นกับสภาวะทางร่างกายของแต่ละบุคคล สภาพผิวเดิม การบำรุงผิว และพฤติกรรมการใช้ชีวิตด้วยครับ

ดริปวิตามิน เหมาะกับใคร ?

  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูร่างกายอย่างเร่งด่วน
  • เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย นอนน้อย หน้าโทรม
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการดูแลผิวอย่างเร่งด่วน ไม่มีเวลาทาครีมหรือดูแลตัวเอง
  • เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวคล้ำเสีย ผิวแห้งกร้าน ผิวแพ้ง่าย
  • เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาภูมิแพ้ เป็นหวัดบ่อย ระบบภูมิต้านทานทำงานบกพร่อง

ขั้นตอนการดริปวิตามิน

ผู้ที่ต้องการดริปวิตามินผิว เข้าตรวจร่างกายกับแพทย์ ตรวจวัดความดัน ชีพจร ซักประวัติการแพ้ยา น้ำหนัก ส่วนสูง
หมอประเมินและเลือกสูตรวิตามินให้เหมาะกับสภาพผิวและความต้องการของคนไข้
หมอจะทำการฉีดวิตามินเข้าเส้นเลือดดำบริเวณข้อมือหรือข้อพับแขน หากใช้การฉีดแบบ IV push จะใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที หรือจนกว่าวิตามินจะหมดหลอดครับ

ดริปวิตามินกี่ครั้งเห็นผล ?

การดริปวิตามินผิวหรือการฉีดผิวขาว กี่ครั้งเห็นผล เป็นการทำให้ร่างกายได้รับวิตามินและถูกดูดซึมอย่างรวดเร็ว จะเห็นว่าผิวดูชุ่มชื้น ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด แต่ต้องอาศัยการฉีดต่อเนื่องทุกสัปดาห์เพื่อฟื้นฟูผิวและปรับสภาพผิว ระยะเวลาเห็นผลเต็มที่จะอยู่ที่ประมาณ 4 สัปดาห์ครับ

ต้องดริปวิตามินบ่อยแค่ไหน ?

การดริปวิตามินผิวหรือการฉีดวิตามินผิวใส ควรเว้นระยะห่างในการฉีดแต่ละครั้งอย่างเหมาะสม ไม่บ่อยจนเกินไป แต่ต้องฉีดต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อรักษาผลลัพธ์ โดยหมอแนะนำว่าในช่วง 1 เดือนแรก ควรฉีดสัปดาห์ละครั้งเพื่อปรับสภาพผิว หลังจากนั้นเว้นระยะทุก ๆ 2-3 สัปดาห์ต่อการฉีด 1 ครั้งได้ครับ

ดริปวิตามินราคาเท่าไหร่ ?

ราคาดริปวิตามินผิว ฉีดวิตามินผิว ราคาของแต่ละคลินิกจะมีความแตกต่างกัน ตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหมื่น ขึ้นกับสูตรและตัวยาที่ใช้ เนื่องจากการฉีดวิตามินผิวต้องอาศัยการฉีดต่อเนื่องเพื่อคงผลลัพธ์ ดังนั้นแต่ละคลินิกจึงมักมีราคาแบบเป็นคอร์สด้วย จะได้ราคาที่ถูกกว่าการฉีดเป็นรายครั้งครับ